แม้แอฟริกาในวันนี้ไม่ได้มีแต่ความดิบ ความจน ความอดอยาก และหลายๆ ภาพที่เราอาจคิดถึงในแง่ลบแล้ว ผมได้เรียนรู้และทำความเข้าใจทวีปนี้ผ่านผืนผ้าพิมพ์ลายของชาวแอฟริกา สิ่งใหม่ที่คนแอฟริกาทั่วทั้งทวีปเพิ่งรู้จักไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี่เอง
ว่ากันว่า ผ้า Wax Print นี้เข้ามายังแอฟริกาผ่านพ่อค้าชาวอาหรับตามมหาสมุทรอินเดีย ผู้เป็นนายหน้าขายทาสและของป่า ตั้งแต่ก่อนที่เจ้าอาณานิคมตะวันตกจะรู้จักและครอบครองแอฟริกา จึงไม่แปลกใจที่หลายคนอาจสังเกตว่า ผ้าพิมพ์ลายของแอฟริกาคล้ายโสร่งของชาวมลายูและชาวอินโดนีเซีย
ทุกที่ในแอฟริกาใช้ผ้าพิมพ์ลาย
ไม่ว่าไปที่ไหนในแอฟริกา เราคงได้เห็นผ้าพิมพ์ลายเคลือบไขผึ้งโดยทั่วไป
คนท้องถิ่นเรียกผ้าพิมพ์ในชื่อต่างๆ กัน ลวดลายบนผืนผ้าก็เป็นที่นิยมตามแต่กระแสและความชอบของคนในท้องถิ่น ในแอฟริกาตะวันออก เช่น เคนยา แทนซาเนีย เรียกผ้าพิมพ์ลายแบบนี้ว่าผ้า Kitenge และออกเสียงเพี้ยนเป็น Chitenge ในมาลาวี ส่วนในโมซัมบิกเรียกว่า Capulana ในแอฟริกาตะวันตก เช่น กาน่า ไนจีเรีย เรียกว่า Ankara
ในโมซัมบิก ทุกคนใช้ผ้า Capulana ในชีวิตประจำวัน ช่วยทำให้ถนนสีหม่นที่เต็มไปด้วยฝุ่นสีน้ำตาลปลิวคลุ้งมีสีสันสดใสขึ้นมาทันที ผู้หญิงใช้ผ้า Capulana คลุมสะโพกยาวไปถึงท่อนขาก่อนมัดเป็นปมที่ท้องเพื่อแสดงถึงความสุภาพ ป้องกันกระโปรงและกางเกงจากฝุ่นสกปรก ยามจะต้องนั่งนอนบนพื้น ผ้า Capulana ก็เป็นพรมรองนั่งนอนชั้นดี และบางทีก็นำมาใช้คาดไหล่ตะแบงลูกน้อยไว้บนหลัง ในแอฟริกาตะวันตก ผู้หญิงก็ใช้ผ้าพิมพ์ลายแบบนี้เป็นผ้าโพกหัวด้วย
ส่วนผู้ชายสมัยใหม่นำผ้ามาตัดเป็นเสื้อกางเกงเข้ารูป บ้างก็นำผ้าสีสันมาขลิบที่คอปก ปลายแขน หรือสาบเสื้อเชิ้ตทั้งแขนสั้นและยาว ในงานแต่งงานของญาติมิตรคนสนิท ทั้งหญิงชายต่างชวนกันไปตัดเสื้อกับช่างตัดเสื้อในหมู่บ้านโดยใช้ผ้าลายเดียวกัน