เราย้อนกลับถึงเรื่องตำนานกรีกสักหน่อย นิยายปรัมปราเล่าถึงเรื่องเทพ ผู้คน วิถีชีวิตของคนสมัยก่อนทั้งในเชิงความจริงเชิงประจักษ์ การเปรียบเปรย รวมถึงเรื่องแต่งเติมเพื่อความสนุกและมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ ในทางแฟชั่นกรีกกลับไม่ได้หวือหวาเช่นนั้น แต่ซ่อนความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เสื้อผ้าพลิ้วเบาสบายเหมาะกับสภาพอากาศค่อนข้างร้อน การใช้สีธรรมชาติตกแต่งจากเหตุผลด้านข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในการย้อมสีของยุคสมัย เครื่องประดับถูกนำมาสวมใส่แบบพอเหมาะพอดี เทียร่าทั้งสำหรับปุถุชนคนธรรมดาทำจากวัสดุธรรมชาติเรียบง่ายและเทียร่าจากอัญมณีสำหรับคนชนชั้นสูง เกิดเป็นภาพจำจนถูกผลิตซ้ำผ่านการจารึกและสื่อมาตลอดหลายทศวรรษ
Mary Katrantzou ดีไซเนอร์ชาวกรีกดึงเราย้อนเวลากลับไปกว่าพันปีกลับหายุครุ่งเรื่องของอาณาจักรกรีก ความยิ่งใหญ่ในทุกด้านถูกนำเสนอให้เข้ากับยุคสมัย และแฟชั่นของแบรนด์ก็เช่นกัน มาในคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2020 นี้แบรนด์หยิบยกเอานิยามความสวยงามของแฟชั่นกรีกดั้งเดิมมาเพิ่มลูกเล่นและสีจากยุคโมเดิร์นเข้าไป กลิ่นอายเป็นศิวิไลซ์ของดินแดนกรีกยุคสมัยนั้นก็ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นซิลูเอตและรายละเอียดขอบชายผ้าอย่างสมจริง ซึ่งจุดเด่นของแมรี่คืองานคราฟต์และทักษะการตัดเย็บชั้นสูง ไม่แปลกเลยที่แฟชั่นกรีกเซตนี้จะได้ทั้งกลิ่นอายประวัติศาสตร์และความโดดเด่นของเสื้อผ้า
องค์ความรู้ต้นแบบตั้งแต่สมัยกรีกโดยเฉพาะปรัชญาถูกศึกษามาและนำมาตีความออกมาเป็นประจักษ์ ถึงไอเดียจะถูกจับต้องได้ยากแต่เชื่อไหมว่าแนวคิดกรีกเหล่านี้ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันจนคนยุคนี้ก็สามารถเข้าถึงได้ ไม่แปลกที่แฟชั่นของแมรี่จะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแปลกแต่จะยิ่งขับความสนใจเกี่ยวกับทั้งเสื้อผ้าและเรื่องราวในอดีตกาลมากขึ้น และนี่เป็นผลงานที่ประกาศว่าถ้าแฟชั่นยุคกรีกมีเทคนิคการรังสรรค์ดั่งปัจจุบัน ก็จะออกมามีหน้าตาเช่นนี้ รายละเอียด สีสัน เทคนิคและความอลังการถูกส่งผ่านออกมาจากรากเหง้ากรีกอย่างถ่องแท้ ประวัติศาสตร์บอกแค่ว่า “ที่ผ่านมามีอะไร” แต่ประวัติศาสตร์ไม่เคยบอกว่า “ถ้าของในอดีตอยู่ในยุคปัจจุบันจะมีการพัฒนาหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร” อัตลักษณ์ ทักษะ การศึกษา และรากเหง้า ทุกอย่างประกอบกันจนคอลเล็กชั่นนี้ไม่ใช่เพียงแฟชั่นแต่หมายถึงการย้อนสร้างสรรค์ต่อยอดแขนงของวิชาประวัติศาสตร์ได้อย่างดีเยี่ยม
ย้อนกลับไปสมัยของ Karl Lagerfeld ยังกุมบังเหียนแบรนด์ Chanel ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา คอลเล็กชั่นครูส 2018 เขาก็ได้ฝากความทรงจำเกี่ยวกับแง่มุมทางวัฒนธรรมกรีกโบราณเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์แบรนด์ งานนี้เซตติ้งเป็นดั่งมหาวิหารชื่อดังของกรีก งานนี้คาร์ลไม่ได้เลือกนำเสนอกรีกกับความโมเดิร์นขนาดแมรี่ แต่เขาเลือกที่จะเอากลิ่นอายดั้งเดิมมาประยุกต์ให้เป็นเสื้อผ้าใส่ง่ายในยุคปัจจุบัน เหมาะกับความเป็นคอลเล็กชั่นครูสอย่างยิ่ง
เรื่องเทคนิคและความสร้างสรรค์ไม่มีใครเคยตั้งคำถามกับสุดยอดตำนานอยู่แล้ว แต่ทว่าคอลเล็กชั่นนี้เริ่มแรกอาจจะโดนวิจารณ์ด้วยคำว่า “เบา” สักเล็กน้อยเพราะด้วยโทนสีความพลิ้วไหวสบายของซิลูเอตทำให้ครูส 2018 ไม่ได้เปรี้ยงถึงขนาดเป็นที่พูดถึงในวงกว้างแต่ก็เรียกว่ารักษาระดับมาตรฐานไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่พอเริ่มหาข้อมูลเทียบกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ หลักฐานรวมถึงภาพจำที่ผลิตซ้ำเกี่ยวกับรากวัฒนธรรมแฟชั่นกรีก ตอนนี้จึงสามารถบอกได้เลยว่าชาเนลทำการบ้านมาหนักและกลิ่นอายจากหลายพันปีก่อนถูกนำเสนออย่างละเอียด อีกทั้งรายละเอียดเหล่านั้นยังถูกเสริมแต่งเพียงเล็กน้อยแต่สร้างผลมหาศาลคือใส่ได้จริง ความจริงคือไม่ใช่แค่ใส่ได้แต่หมายถึงการใส่ได้แบบนำสมัยนิยมด้วยซ้ำ ความเท่ในแบบกรีกโบราณคงจะอยู่ในบรรทัดฐานที่เราตั้งให้ว่า “โบราณ…แต่ไม่คร่ำครึ”